บทที่ 9 อู๋ฮองเฮา (๒)
“ฝ่าบาท หม่อมฉันเจ็บเพคะ” อู๋ตานเหม่ยแม้ไม่เคยได้รับความรักจากบิดา แต่บรรดาพี่ชายก็เอ็นดูนางไม่น้อย ไม่เคยมีบุรุษคนใดกระทำการเช่นนี้กับนางมาก่อน แต่หวังลู่เป็นคนแรกที่ทำเช่นนี้กับนางต่อหน้าทุกคนในวันอภิเษกสมรส
“เจ้ายังกล้าตอบรับการแต่งงานกับข้า และนี่คือผลตอบแทนที่เจ้าจะได้รับ” หวังลู่กัดฟันกล่าวกับนางอย่างเข่นเขี้ยว อู๋ตานเหม่ยมองพระสวามีของตนเองด้วยใบหน้าตกใจ นางพยายามยืนฝ่ามืออันสั่นเทาไปหาฝ่ามือของพระสวามีด้วยอาการครั่นคร้าม
เการั่วซีซึ่งดำรงตำแหน่งพระสนมเอกขั้นกุ้ยเฟยมองพระสวามีของตนกับสตรีอื่นที่บังอาจมาแย่งตำแหน่งฮองเฮาไปด้วยหัวใจที่เจ็บปวด นางฝืนมองภาพเบื้องหน้าสตรีที่ควรสวมภัสตราภรณ์หงสาก็คือนาง ที่มีบิดาเป็นอัครมหาเสนาบดีผู้ลืออำนาจ แต่บัดนี้ตำแหน่งที่นางหมายปองกลับตกเป็นของสตรีต่างเมือง น่าเจ็บใจยิ่งนัก
พระราชพิธีผ่านล่วงเลยมาจนกระทั่งถึงเวลาส่งตัวเข้าหอ หวังลู่ฮ่องเต้ยอมไว้พระพักตร์พระมารดา จึงยอมพาอู๋ตานเหม่ยมาส่งเข้าเรือนหอที่ตำหนักคุนหนิง เขามิได้ให้เกียรตินางเหมือนเการั่วซีเมื่อคราที่อภิเษกสมรสกัน ครานั้นด้วยความรักที่มีต่อเกากุ้ยเฟยอย่างล้นพ้น เขาจึงอุ้มอีกฝ่ายเข้าหอทะนุถนอมนางราวกับรักหยกถนอมบุปผา ต่างจากอู๋ตานเหม่ยที่จะได้รับเพียงความไม่โปรดปรานจากเขาเท่านั้น ในเมื่อนางกล้ามาแย่งตำแหน่งที่ควรเป็นของเการั่วซี เขาก็จะทำให้นางมีชีวิตเหมือนอยู่กับความเดียวดายในวังหลวงแห่งนี้
ในค่ำคืนที่สองหนุ่มสาวควรดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์กันอย่างมีความสุข ทว่าหวังลู่ฮ่องเต้กลับลบหลู่อู๋ตานเหม่ยฮองเฮาพระองค์ใหม่ด้วยการส่งขันทีมาแจ้งว่า คืนนี้เขาจักไปเข้าหอกับสนมเอกเการั่วซีเท่านั้น เมื่อความทราบถึงไทเฮาพระนางทำเพียงส่งคนมามอบของปลอบใจในค่ำคืนนั้น มิได้ให้ความสำคัญกับอู๋ตานเหม่ยเท่าที่ควร
อู๋ฮองเฮาอดทนกล้ำกลืนฝืนทนกับความอัปยศในคืนเข้าหอ สตรีโฉมสะคราญที่แม้บิดาไม่เคยโปรดปราน แต่กลับเป็นที่รักของบรรดาพระเชษฐาและพระอนุชาหลายคนในแคว้นเหลียว แต่เมื่อมาอยู่ที่นี่นอกจากมารดาของสามียังปล่อยให้บุตรชายตนลบหลู่เกียรตินางขนาดนี้ ในเมื่อนางตบแต่งมาเป็นมารดาแห่งแผ่นดินของแคว้นเยี่ยน สิ่งที่นางควรทำคืออดทน
ในเช้าวันต่อมา หวังลู่ฮ่องเต้ตื่นเช้ากว่าปกติ ข้างกายพระองค์นั้นยังคงเป็นเการั่วซีที่นอนเปลือยเปล่าอยู่ข้างพระวรกาย เรือนกายขาวผ่องที่เมื่อคืนผ่านสมรภูมิรักอันร้อนแรงกับฮ่องเต้ผู้เป็นพระสวามี ค่อยๆ หยัดกายขึ้นก่ายกอดเขาอย่างเอาอกเอาใจ เการั่วซีรู้ดีว่าวันนี้พระสวามีของตนจะต้องพาอู๋ฮองเฮาไปยกน้ำชาต่อเบื้องพระพักตร์ไทเฮาและไท่เฟย นางจึงถือโอกาสนี้ออดอ้อนเขาให้นางสมปรารถนาในสิ่งที่นางต้องการ
“ฝ่าบาท จะเสด็จตำหนักเฟิ่งหวงแล้วหรือเพคะ” เการั่วซีถามขณะที่สองแขนเรียวเล็กกำลังโอบเอวหนาของพระสวามีอย่างพะเน้าพะนอเอาใจ
หวังลู่ฮ่องเต้เอ่ยกับนางอย่างอ่อนโยนว่า “อืม นางเป็นฮองเฮา เพิ่งผ่านพ้นคืนอภิเษกแต่มิได้ร่วมหอกันตามธรรมเนียม เสด็จแม่ก็ทรงไม่พอพระทัยมากอยู่แล้ว เราคิดว่าควรพานางไปยกน้ำชาสักหน่อย หากเสด็จแม่รู้ว่าข้าทอดทิ้งนางมาอยู่กับเจ้าทั้งคืน เจ้าอาจจะเดือดร้อน”
เการั่วซีรู้สึกขัดใจยิ่งนัก “เพคะ ฮองเฮาอาจทรงไม่พอพระทัยหม่อมฉันด้วยก็เป็นได้ นางเป็นถึงธิดาสูงศักดิ์ของแคว้นเหลียว หากรู้ว่าพระองค์มาค้างที่ตำหนักของหม่อมฉัน นางต้องไม่พอใจหม่อมฉันมากแน่ๆ”
นางใช้น้ำเสียงเศร้าๆ เอ่ยกับหวังลู่ฮ่องเต้ และได้ผลยิ่งนักเมื่อเขาใช้ฝ่ามือเชยคางของนางขึ้นมาอย่างทะนุถนอม พลางมองเการั่วซีด้วยสายตาอ่อนโยน “เจ้าอย่าเสียใจไปเลยนะซีซี ต่อให้เจ้าไม่ได้เป็นฮองเฮา แต่ข้าให้สัญญาว่าข้าจะมีลูกกับเจ้าเพียงคนเดียว ไม่ให้สถานะในวังของเจ้าสั่นคลอนเด็ดขาด คนที่จะเป็นมารดาของรัชทายาทในอนาคตคือเจ้าเท่านั้น”
เการั่วซีเผยรอยยิ้มอย่างพึงพอใจ “แต่ฮองเฮาจะทรงยินยอมหรือเพคะ ไทเฮาก็ด้วย หม่อมฉันเป็นเพียงกุ้ยเฟย มีหรือจะกล้าให้กำเนิดรัชทายาทของต้าเยี่ยน”
“เจ้าก็แค่กินโอสถบำรุงครรภ์ มีทายาทให้ราชวงศ์โดยเร็ว ถึงตอนนั้นข้าก็มีโอกาสแต่งตั้งเจ้าเป็นฮองเฮาแทนที่นาง” คำตอบนี้ของหวังลู่ฮ่องเต้ทำให้เการั่วซีเผยรอยยิ้มกว้างอีกครา แน่นอนว่าเป้าหมายของนางหากมิได้ตำแหน่งฮองเฮา อย่างน้อยตำแหน่งพระมารดาของฮ่องเต้องค์ถัดไปก็ควรเป็นนางที่เป็นผู้ให้กำเนิดเท่านั้น
เช้าวันนี้วังหลวงครึกครื้นเป็นพิเศษยิ่ง โดยเฉพาะราชสำนักฝ่ายในบริเวณตำหนักของไท่เฟย เนื่องจากในวันนี้หวังชินอ๋องได้รับชัยชนะเหนือแคว้นเสวี่ยและจะเดินทางกลับมาถึงในวันนี้ ไท่เฟยจึงมีประสงค์จัดงานชุมนุมเล็กเพื่อต้อนรับฉลองชัยชนะกลับมา และถือโอกาสเชิญเหล่าคุณหนูจากตระกูลสูงหลายคนมาร่วมงาน เพื่อหาว่าที่พระชายาเอกของชินอ๋องที่ครองตนถือพรหมจรรย์มาเนิ่นนาน
ความครึกครื้นในเขตตำหนักของไท่เฟยสร้างความไม่พอใจให้กับไทเฮาเป็นอย่างยิ่ง เนื่องจากพระนางเป็นผู้กุมอำนาจสูงสุดในวังหลวงเหนือฝ่าบาท ยามที่เห็นบุตรชายของสตรีที่คอยแก่งแย่งชิงความโปรดปรานเมื่อครั้งสมัยอดีตฮ่องเต้ยังมีพระชนม์ชีพอยู่ กำชัยชนะเหนือดินแดนอื่น ความหวาดระแวงและความเกลียดชังย่อมบังเกิดขึ้นในใจ
